28 จำนวนผู้เข้าชม |
บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ผู้ได้ลิขสิทธิ์จาก The Football Association Premier League Limited (Premier League) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว (Exclusivity right) ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอมิเรตส์ เอฟเอ คัพ ตลอด 6 ฤดูกาล ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา อย่างเต็มรูปแบบ
ร่วมกับ บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO จัดงานแถลงข่าว “New Season New Home” เพื่อประกาศความพร้อมในการถ่ายทอดสดลีกฟุตบอลระดับโลก “พรีเมียร์ลีก-เอมิเรตส์ เอฟเอ คัพ” โดยมีราคาแพ็กเกจดังนี้
“ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) JAS กล่าวว่า JAS มีการเตรียมตัวและศึกษามาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว พร้อมพิจารณาแล้วถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุด (worst-case) จึงตอบคำถามที่ว่ามีความเสี่ยงมาก แต่ทำไมยังลงทุนในครั้งนี้
การตัดสินใจเข้ามาลงทุนในครั้งนี้ เพราะ JAS เห็นช่องว่างในตลาด จากการสำรวจพบว่า คนไทยดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแบบจริงจังมากถึง 6-7 ล้านคน โดยพร้อมจ่ายเงินราว 1.5-2 ล้านคน ขณะที่คนที่ดูบ้าง หรือไม่ได้ดูแบบจริงจังมีกว่า 10 ล้านคน ข้อมูลเหล่านี้จึงบ่งบอกถึงโอกาส
“ชัยชนะที่ได้มาย่อมต้องเสี่ยง แต่เราเสี่ยงด้วยฝีมือ” ดร.โสรัชย์ กล่าว
นอกจากนี้ เทคโนโลยีในปัจจุบันยังเปิดกว้างสำหรับแพล็ตฟอร์มสตรีมมิ่ง ไม่ต้องมีค่าติดตั้งหรือการติดตั้งจานดาวเทียมเหมือนแต่ก่อน เพียงแค่โหลดแอปพลิเคชั่นเท่านั้น
จากที่ประเมินไว้ เมื่อมียอดสมัครสมาชิกราว 2 ล้านราย จะทำให้ JAS ถึงจุดคุ้มทุน โดยคาดว่าการปรับลดราคาแพ็กเกจ และสามารถรับชมได้ทั้งพรีเมียร์ลีก เอฟเอ คัพ ไทยลีก และคอนเทนต์ภาพยนตร์ จะทำให้ถึงเป้าหมายดังกล่าวในช่วงเดือนสิงหาคม 2568 หรือช่วงเปิดฤดูกาล ซึ่งคาดว่าจะมียอดสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงใกล้เปิดฤดูกาล
โดยคาดว่า JAS จะมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 5.5-6.5 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะที่ Monomax จะได้รับส่วนแบ่ง 50 บาท ต่อสมาชิก ดังนั้น ถ้ามียอดสมาชิกราว 2 ล้านราย Monomax ก็จะมีรายได้ราวเดือนละ 100 ล้านบาท หรือราว 1,200 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าราคาแพ็กเกจจะเท่ากันตลอด 6 ฤดูกาล แต่ถ้าราคาที่ประกาศออกไปมียอดผู้ใช้ตามเป้า ก็ไม่อยากขึ้นราคาให้ผู้ใช้เสียความรู้สึก ดร.โสรัชย์ กล่าว